ความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกันกับสามประเทศมหาอำนาจ




ความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกันระหว่างอาร์เจนตินา กับสหรัฐอเมริกา,รัสเซีย(โซเวียต) และจีน
ความสัมพันธ์ระหว่างอาร์เจนตินากับประเทศมหาอำนาจอย่าง สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียตหรือรัสเซีย และจีน เป็นดังนี้ ความสัมพันธ์กับสหรัฐมีความแน่นแฟ้น และยาวนานกว่า ความสัมพันธ์กับประเทศจีน และโซเวียตตามลำดับ
ความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจ
ประเทศสหรัฐอเมริกาได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศอาร์เจนตินาในปี 1810 ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอาร์เจนตินากับสหรัฐอเมริกาจะเห็นได้ชัดว่าสหรัฐฯมีความได้เปรียบมากกับอาร์เจนตินาในด้านการค้า อาร์เจนตินาได้สูญเสียดุลการค้าให้กับสหรัฐอเมริกา พอมาในยุคที่ทฤษฎีแบบ Dependency มีอิทธิพลอย่างมากในลาตินอเมริกา อาร์เจนตินาเองก็ได้รับอิทธิพลจากทฤษฎีนี้ด้วย โดยทฤษฎี Dependency ได้แบ่งประเทศต่าง ๆ ในระบบทุนนิยมเป็นกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มแกน (Core)ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่ร่ำรวย กลุ่มกึ่งบริวาร(Semi-periphery)คือกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมใหม่ และกลุ่มบริวาร (Periphery) คือกลุ่มประเทศที่ยากจน ซึ่งทฤษดีนี้มองว่าหากกลุ่มประเทศยากจนต้องการจะหลุดพ้นก็จะต้องแยกตัวออกมาจากความสัมพันธ์กับประเทศที่พัฒนาแล้ว ดังนั้นทำให้ลาตินอเมริกามีนโยบายทางเศรษฐกิจที่ลดการพึ่งพาจากตะวันตก หันมาเน้นการส่งเสริมการส่งออกในลาตินอเมริกาแทน ไม่รับการลงทุนจากต่างชาติ เวนคืนกิจการจากเอกชนมาเป็นของรัฐ แต่ปัญหาในการจะเปลี่ยนระบอบเศรษฐกิจให้เป็นแบบนี้ก็คือการไม่มีทุน ดังนั้นกลุ่มประเทศลาตินอเมริกาจึงต้องไปกู้ต่างชาติเพื่อมาลงทุน แต่อย่างไรก็ตามการใช้เศรษฐกิจแบบนี้ไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจาก กลุ่มประเทศลาตินอเมริกามีกำลังซื้อน้อยทำให้ขายสินค้าได้น้อยจึงไม่มีเงินไปใช้หนี้ทำให้เกิดวิกฤตหนี้ในลาตินอเมริกา ซึ่งอาร์เจนตินาเองก็เป็นประเทศที่เกิดวิกฤตหนี้เช่นกัน จึงต้องไปกู้เงินจาก IMF และ IMF จะเข้ามาปรับนโยบายทางเศรษฐกิจให้กับประเทศใหม่ และในปัจจุบันนั้นสหรัฐอเมริกากับอาร์เจนตินาได้มีความสัมพันธ์ทวิภาคีกันระหว่างสหรัฐอเมริกา และอาร์เจนตินา โดยมีพื้นฐานความสนใจร่วมกัน ในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การศึกษา การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม สิทธิมนุษยชน และการรวมตัวทางสังคม โดยเน้นสันติภาพและไม่แพร่กระจายอาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรง และสหรัฐอเมริกาเองเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา
            ความสันพันธ์ทางการเมืองภายในและภายนอก
ต่อมาทางด้านความสัมพันธ์กับทางสหภาพโซเวียต(รัฐเซีย) ในตอนที่เป็นสหภาพโซเวียต ในปี ค.ศ. 1960  ก็ได้เริ่มสัมพันธ์กับประเทศในละตินอเมริกาเพียง 4 ประเทศ โดย1ในนั้นก็มีอาร์เจนตินาด้วย โดยขณะนั้นโซเวียตกำลังแข่งขันอยู่กับสหรัฐอเมริกา ทำให้โซเวียตสนใจในอาร์เจนตินา เพราะคิดว่าอาร์เจนตินาอาจจะสามารถสร้างอิทธิพลให้กับสหรัฐ ก็เลยมีความสัมพันธ์ติดต่อกัน และในขณะนั้นอำนาจสหรัฐในอาร์เจนตินาเริ่มค่อย ๆ ลดลง ทำให้โซเวียตได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในอาร์เจนตินาและภูมิภาค ทำให้มีการติดต่อสัมพันธ์กันทั้งในด้านการค้าธุรกิจทางด้านเศรษฐกิจและการทูต โดยอาร์เจนตินาได้รับความช่วยเหลือทางด้านเทคโนโลยีของสหภาพโซเวียต ภายใต้ข้อตกลงพลังงานนิวเคลียร์ และได้รับความช่วยเหลือในการพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังน้ำและชนบทจากสหภาพโซเวียต นอกจากนี้สหภาพโซเวียตนั้นได้สนับสนุนอาร์เจนตินา 1982 ที่เกิดสงคราม MalvinasหรือFalklands ทำให้ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสหภาพโซเวียตและอาร์เจนตินาเป็นไปอย่างแน่นแฟ้นมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามโซเวียตเองก็ได้มีความพยายามที่จะมีอิทธิพลในอาร์เจนตินา และขยายอิทธิพลลัทธิคอมมิวนิสต์ให้ครอบคลุมไปทั่วละตินเมกา แต่ในอาร์เจนตินาก็โดนสหรัฐอเมริกาขัดขวาง โดยสหรัฐอเมริกากับสหภาพโซเวียต มีการพยายามแทรกแซง ทางการเมืองของอาร์เจนตินาทั้งในรูปการณ์ลงทุน การสนับสนุนทางการเมือง และเป็นฐานคะแนนให้กับประธานาธิบดีหลายคน โดยสหรัฐจะสนับสนุนพรรคที่มีนโยบายที่ pro-USA  อย่างเช่นการเลือกตั้งในสมัยการเป็นประธานนาธิบดีของเมาซิริโอ แมครี จากพรรค Propuesta Replublicana ซึ่งอยู่ฝ่ายขวา-กลางของกลุ่มพวกอนุรักษ์นิยม อาร์เจนตินาในช่วงค.. 1982 ที่เกิดสงคราม MalvinasหรือFalklands ทำให้เกิดความสัมพันธ์ทางการทูตกันอย่างแน่นแฟ้นระหว่างกันขึ้น โดยโซเวียตนั้นก็ได้มีความพยายามที่จะมีอิทธิพลในอาร์เจนตินา และขยายอิทธิพลลัทธิคอมมิวนิสต์ให้ครอบคลุมไปทั่วละตินเมกา แต่ในอาร์เจนตินาก็โดน USA ขัดขวาง ในสมัยของประธานาธิบดี Mauricio Macri อาร์เจนตินาได้มีการตัดสินใจที่จะคว่ำบาตรต่อรัสเซีย และแสดงความคิดที่จะเปลี่ยนอาร์เจนตินาและรัสเซียใกล้ชิดและร่วมกลุ่มกันในระดับภูมิภาค เช่น ชุมชนละติน-อเมริกาและแคริบเบียน (CELAC) และสหภาพละตินอเมริกา (UNASUR) และในช่วง 3 ปีนี้  อาร์เจนตินามีแนวคิดนิยมเปโรนิสต์ ซึ่งมีลักษณะขวา-กลาง และสนับสนุนสหรัฐอเมริกาอย่างเต็มที่ (pro-U.S)
ในสมัยที่สหภาพโซเวียตเปลี่ยนเป็นรัสเซีย ประธานาธิบดี Macri ได้มีการปรับความสัมพันธ์แบบทวิภาคีกับรัสเซีย มีการช่วยเหลือกันและกัน จนเมื่อประธานาธิบดี Kirchner และประธานาธิบดีรัสเซียวลาดิมีร์ปูตินลงนามดำเนินนโยบายการซ่อมแซม” ซึ่งเป็นวิธีที่รัสเซียจะสร้างสมดุลความสัมพันธ์ในรูปแบบ Soft power ในรูปแบบของสื่อและวัฒนธรรมการเชื่อมโยงทางวัฒนธรรม เช่น ตั้งศูนย์ราชการใกล้เมืองหลวง ตั้งมหาวิทยาลัยสอนภาษารัสเซีย นอกจากนี้รัสเซียกับอาร์เจนตินาก็มีความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจร่วมกันโดยทั้งสองประเทศได้ลงนามใน เอกสารเชิงยุทธ์ศาสตร์ นอกจากนี้ก็เป็นหุ้นส่วนกันในด้านพลังงานนิวเคลียร์ มีความร่วมมือกันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอีกด้วย
ความสัมพันธ์ระหว่างอาร์เจนตินาและจีนเป็นความสัมพันธ์แบบช่วยเหลือพึ่งพา และได้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน ในทางความมั่นคงทางทหาร นิวเคลียร์ อาวุธ กับโซเวียต ด้านการค้า การลงทุน ตลอดจนด้านวัฒนธรรมกับจีน โดยจีนนั้นไม่ได้สนใจทางด้านการเมืองต่ออาร์เจนตินา จีนได้เข้ามาสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าที่ดีแก่อาร์เจนตินา โดยความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศว่าเป็น “ความสัมพันธ์ถั่วเหลือง” โดยอาร์เจนตินาต้องพึ่งพิงเศรษฐกิจจากจีนมาก ในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมาหลังจากการลงนามความร่วมมือ โดยที่อาร์เจนตินาทำหน้าที่ผลิตและส่งออก จีนมีความต้องการสินค้าและนำเข้าสินค้าจากอาร์เจนตินาด้วยการสนับสนุนสินค้าเกษตร พืชต่าง ๆ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเหลืองเป็นพืชเศรษฐกิจที่อาร์เจนตินาต้องการส่งออก มีพื้นที่ทำการเพาะปลูกถั่วเหลืองมากมายในอาร์เจนตินา และจะถูกส่งออกไปยังจีนเกือบทั้งหมดโดยมียอดการส่งออกถั่วเหลืองถึง 17 ล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่าครึ่งนึงของการส่งออกทั้งหมด นอกจากนี้ผู้อพยพจากจีนก็ได้เข้ามาอาศัยในอาร์เจนตินาเป็นอันดับต้น ๆ ของผู้อพยพทั้งหมดทำให้มีบทบาทในด้านสังคมและวัฒนธรรมของอาร์เจนตินา เช่น การเฉลิมฉลองปีใหม่ของจีนในอาร์เจนตินาก็มีการจัดงานใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้ก็มีการแลกเปลี่ยนนักเรียนและอาจารย์ร่วมกัน มีการผลิตการวิจัยร่วมกันทางวิชาการ โดยมีข้อตกลงระหว่างหน่วยงานวิจัยสำคัญที่สุดของอาร์เจนตินา, สภาวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคนิคแห่งชาติ (CONICET, ในสเปน) และมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้  (SHU)  เมื่อเมษายน ปี 2017 ทั้ง 2 สถาบันได้ประกาศการจัดตั้งศูนย์วิจัยร่วมกันระหว่างประเทศ (CIMI, ในสเปน) กับทางสำนักงานใหญ่ ทั้งในบัวโนส ไอเรสและเซี่ยงไฮ้ เป็นต้น นอกจากนี้ทั้งจีนและอาร์เจนตินาก็ได้มีความสนใจร่วมกันด้านการขยายความสัมพันธ์ทวิภาคีทุกระดับ
            สรุปได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างอาร์เจนตินาและสหรัฐอเมริกานั้นมีมาอย่างยาวนานมีความร่วมมือกันในหลายด้าน แต่อย่างไรก็ตามอาร์เจนตินาเป็นฝ่ายเสียเปรียบสหรัฐอเมริกาในด้านเศรษฐกิจ ต่อมาเป็นความสัมพันธ์ระหว่างอาร์เจนตินากับในตอนที่ยังเป็นสหภาพโซเวียตนั้นอาร์เจนตินาต้องพึ่งพาสหภาพโซเวียตเนื่องจากในตอนนั้นอาร์เจนตินาพยายามลดอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาลงจึงต้องหันมาพึ่งพาฝั่งสหภาพโซเวียตแทน พอมาในสมัยของรัสเซียอาจมีช่วงที่อาร์เจนตินาคว่ำบาตรรัสเซียไปแต่ก็ได้มีการฟื้นฟูความสัมพันธ์ร่วมกันมีความร่วมมือกันในด้านเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นหุ้นส่วนทางนิวเคลียร์ร่วมกัน ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างอาร์เจนตินากับประเทศจีนนั้นเป็นความสัมพันธ์แบบพึ่งพาซึ่งกันและกัน โดยต่างฝ่ายต่างก็ได้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน และความสัมพันธ์ของทั้งสามประเทศนั้นจะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับการเปลี่ยนผู้นำของอาร์เจนตินา นโยบายทางการเมืองและมุมมองโดยเฉพาะทางเศรษฐกิจการพึ่งพาของอาร์เจนตินาจะเป็นอย่างไร ต้องรอติดตามกันต่อไป...






แสดงความคิดเห็น

3 ความคิดเห็น

  1. กลุ่มคอสตาริกามองว่าทั้งสหรัฐฯ รัสเซีย (โซเวียต) หรือจีน ทั้ง 3 ประเทศพยายามเข้ามามีอิทธิพลในอาร์เจนตินา เพราะหวังผลประโยชน์ เนื่องจากสหรัฐฯ เองก็มีนักลงทุนจากสหรัฐฯ เข้ามาทำการลงทุนในอาร์เจนตินามาก ทำให้สหรัฐฯ ได้ผลประโยชน์จากตรงนี้ และเข้ามาแทรกแซงการเมืองภายในให้เอื้อประโยชน์ให้กับประเทศตัวเอง รัสเซียจึงต้องเข้ามีบทบาทเพื่อถ่วงดุลอำนาจของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ด้วย จากการอ่านบทความความสัมพันธ์รัสเซียจะเห็นว่ามูลค่าการส่งออกและค้าขาย รัสเซียเป็นฝ่ายขาดดุล แต่รัสเซียกลับเต็มใจ อาจเป็นเพราะมีเป้าหมายในเรื่องการเมืองมากกว่าเรื่องเศรษฐกิจ ส่วนจีนคาดว่ามีเป้าหมายหลักคือเรื่องการค้า แต่การค้าที่มีมูลค่ามากจนกลายมาเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐฯ คาดว่ามีนัยยะทางการเมืองแอบแฝง และในอนาคตจีนอาจจะขึ้นมาแทนที่สหรัฐฯ ได้ (คอสตาริกา)

    ตอบลบ
  2. อย่างไรก็ตามของฟรีไม่มีในโลก การที่ประเทศมหาอำนาจเข้ามาให้ความช่วยเหลืออาเจนตินา ย่อมต้องการผลประโยชน์ทั้งทางตรงทางอ้อมของอาเจนตินาแน่นอน เพราะความช่วยเหลือที่ประเทศมหาอำนาจจะยอมสละให้ได้นั้นมันต้องคุ้มค่าสำหรับพวกเขา ไม่งั้นพวกเขาก็คงไม่ยอมยื่นมือมาช่วยแน่นอน เพราะว่าบนเวทีการเมืองโลกสนใจแต่ผลประโยชน์แห่งรัฐอยู่แล้ว ถ้าหากไม่ได้ก็ไม่ควรเสีย สำหรับอาเจนตินาต้องเลือกปรับตัวต่อการเข้ามาอิทธิพลของมหาอำนาจให้ได้ เพราะว่าทั้งสหรัฐ รัสเชีย จีน มีจุดยืนทางการต่างประเทศต่างกัน การเข้ามามีอิทธิพลของสหรัฐจะแลกมาด้วยการแอบแทรกแซงอำนาจทางการเมืองในประเทศเสมอ รัสเชียจะต้องการสร้างพันธมิตรเพื่อถ่วงดุลอำนาจกับสหรัฐ และจีนจะมุ่งเน้นการค้าขายที่จีนจะต้องได้รับผลประโยชน์อย่างมากที่สุดไม่ยุ่งการเมืองภายใน ซึ่งอาเจนตินาจะต้องเลือกวางตัวให้ดีเพราะว่ามหาอำนาจแต่ละคนมีความแตกต่างกันแต่ใครจะสร้างผลประโยชน์ต่ออาเจนตินาได้ดีที่สุดเท่านั้นเอง (คิวบา)

    ตอบลบ
  3. (โคลอมเบีย) จะเห็นได้ว่าอาร์เจนติน่าจะต้องพึ่งพามหาอำนาจมาตลอด อย่างในอดีตที่ผ่านมาที่พยายามลดการการพึ่งพาจากสหรัฐอเมริกา เเต่ก็ถูกเเทรกเเซงจนต้องหันไปพึ่งรัสเซีย เเม้ว่ารัสเซียจะให้ความช่วยเหลือเเต่สุดท้ายประเทสมหาอำนาจก็ต้องเห็นประโยชน์ของตนเองเป็นสำคัญมากกว่าที่จะมาช่วยเหลือด้วยความบริสุทธ์ใจ เพราะประเทศอาร์เจนติน่าก็ถูกใช้เป็นเกมส์ทางการเมืองระหว่าสหรัฐอเมริกาเเละโซเวียตมาก่อนเเล้ว ในส่วนของประเทศจีนที่กำลังพัฒนาความสัมพันธืกับอาร์เจนติน่าในความร่วมมือระหว่างกันในด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยี ที่ดูเหมือนว่าจะพึ่งพาอาศัยกันเเต่เราก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า การพึ่งพาที่เกิดขึ้นนั้นประเทศใดจะได้ประโยชน์มากกว่า เเละเสียประโยชน์มากกว่า เพราะการพึ่งพากันในเเบบที่เท่าเทียมยนั้นคงเป็นไปได้ยาก

    ตอบลบ