ฟุตบอลคลับ




      กระทู้เกี่ยวกับฟุตบอลในลีคประเทศ และทีมชาติอาร์เจนตินา สมาชิก นักบอลดาวรุ่งคนดัง รับฟุตบอลโลก 2022 ไปเลย

             ต้อนรับบทความแรกของกระทู้นี้ขอเล่าประวัติคร่าวๆ ของทีมชาติอาร์เจนตินาร์ให้ทุกท่านได้รู้จักกันก่อน ชาวอาร์เจนตินาร์นั้นจะได้รับถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลกอีกไหม... มารู้จักความแข็งแกร่งของประเทศนี้กันเลย... :)


            ทีมชาติอาร์เจนตินา ได้รับฉายาว่า อินทรีย์ฟ้าขาว นับว่าเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จทีมหนึ่งในโลกโดยมีผลงานที่โดดเด่นคือชนะเลิศฟุตบอลโลก 2 ครั้ง ใน ฟุตบอลโลก 1978 และ ฟุตบอลโลก 1986 และยังชนะเลิศการแข่งขันในระดับภูมิภาค โคปาอเมริกา 14 ครั้ง มากกว่านั้นยังชนะเลิศ คอนเฟเดอเรชันส์คัพ 1 ครั้ง และได้เหรียญทองกีฬาโอลิมปิก 2 ครั้งใน โอลิมปิกฤดูร้อน 2004ที่เอเธนส์ และ โอลิมปิกฤดูร้อน 2008 ที่ปักกิ่ง และได้เหรียญเงิน 2 ครั้ง ใน โอลิมปิกฤดูร้อน 1928 ที่อัมสเตอร์ดัม และ โอลิมปิกฤดูร้อน 1996 ที่แอตแลนตา ดูจากประวัติและผลงานรางวัลความสำเร็จแล้วน่าเกรงขามมากเลยทีมนี้

            
             ในการแข่งขันฟุตโลก ค.ศ. 1978 ทีมชาติอาร์เจนตินาสามารถเอาชนะทีมชาติเนเธอร์แลนด์ได้ 3 ประตูต่อ 1โดยชายผู้ถือถ้วยรางวัลในรูปข้างบนนั้นคือ กัปตัน Daniel Passarella ทำให้ชาวอาร์เจนตินาได้ส่งเสียงร้องดังลั่นสนามในฐานะแชมป์โลกเป็นครั้งแรก


              ต่อมาในปี ค.ศ. 1986 เป็นการคว้าถ้วยรางวัลแชมป์โลกอีกครั้งของทีมชาติอาร์เจนตินาการนำโดย  Diego Maradonaโดยการเอาชนะทีมชาติเยอรมันนีตะวันตกสกอร์ 3-2 ประตูที่ 3 ถูกปิดสนามด้วย Jorge Burruchaga ในนาทีที่ 84 พร้อมกับเสียงเฮของชาวอาร์เจนตินาอีกครั้ง (คนทางขวารูปด้านล่างนี่แหละคือคนยิงประตูสุดท้ายให้อาร์เจน)







ย้อนอดีตมามากเรานั่งไทม์แมชชีนกลับมาชมความสำเร็จของนักบอลทีมชาติอาร์เจนตินากันบ้าง นั่นก็เพราะว่าประเทศนี้เรียกว่าหากินกับฟุตบอลเลยก็ว่าได้ ก็ขอพูดถึงสามคนที่ได้อยู่ในการเป็นแชมป์โลกของอาร์เจนตินากัน ซึ่งพวกเขาเหบ่านี้เรียกว่าดาวซัลโวของทีมเลยก็ว่าได้ ไปชมกัน

Jose Sanfilippo


         เขาได้ร่วมลงรับใช้ชาติ 21 ครั้ง และได้ร่วมลงสนามในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี ค.ศ. 1958 ที่ประเทศสวีเดน ทำประตูได้ 3 ประตูผ่านเข้ารอบเหนือชิลี แต่ต้องตกรอบในนัดที่เจอกัับอังกฤษ



Omar Oreste Corbatta


                      Corbatta ปีกขวาจองพลัง ได้รับฉายาจากนักพากษ์ว่า Argentina Gabincha เคยได้รับใช้ชาติในนัดที่เจอกับสวีเดนในฟุตบอลโลกปี ค.ศ.1958 เขาทำประตูได้ 3 ประตูในนัดนี้แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ต้องตกรอบกลับบ้านไป




Gonzalo Higuain


         Pipita ได้เป็นผู้นำการโจมตีในทีมปี 2010 ของ Diego Maradona ได้ทำประตูถึง 4 ประตูใน 8 นัดที่เขาลงแข่งเลยที่เดียว





End






                 ลำดับต่อมาขอเสนอวีรบุรุษขวัญใจมหาชน แฟนบอลต้องรู้จักเป็นแน่ นั้นก็คือ ชายผู้นี้


Lionel Messi



ฟีฟ่าได้มอบรางวัล "นักเตะยอดเยี่ยม" หรือ "โกลเดน บอล" (Golden Ball) ประจำศึกฟุตบอลโลก 2014 ให้แก่ "ลิโอเนล เมสซี่" ดาวเตะประจำทีมไปครอง จากผลงานทำ 4 ประตู ช่วยส่งยิง 1 ประตู จาก 7 นัดที่ได้ลงแข่งขัน ส่งผลให้ เมสซี่ เป็นนักเตะคนที่ 3 จากทีมชาติอาร์เจนตินา ถัดจาก มาริโอ แคมเปส (1978) และ ดิเอโก้ มาราโดนา (1986) ที่ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมไปครอง แต่นั่งก็ไม่ได้ทำให้เจ้าตัวปลื้มสักเท่าไรนัก เพราะกัปตันดาวยิงคนนี้เคยลั่นเอาไว้ก่อนลงดวลแข้งนัดชิงชนะเลิศว่า เขาขอแลกรางวัลเกียรติยศทุกอย่างที่เคยได้รับมาจากการค้าแข้ง กับการได้คว้าแชมป์ในทัวร์นาเมนต์นี้มาครอง แต่แล้วก็ต้องพลาดหวังอกเดาะไปอย่างน่าเสียดายจริง ๆ

            และใครก็ตามที่ได้ชมแมตช์ชิงชนะเลิศในวันนั้น จะต้องได้เห็นสีหน้าของเมสซี่ ที่เห็นแล้วสงสารจับใจ โดยเฉพาะสาว ๆ คอบอลที่คงอยากจะปลอบนักเตะระดับเทพคนนี้กันเป็นแถว แต่เดี๋ยวก่อน...พ่อหนุ่มคนนี้ไม่โสดแล้วนะจ๊ะ แฟนสาวเมสซี่ สวยแซ่บสไตล์ละตินนะขอบอก แถมยังมีลูกชายที่น่ารักน่าชังเสียด้วย ว่าแล้วตามไปรู้จักราชาลูกหนังโลกยุคใหม่ชาวอาเจนไตน์คนนี้กันเลยประวัติ ลิโอเนล เมสซี่

            ชื่อเต็ม : ลิโอเนล อันเดรส เมสซี่ (Lionel Andrés Messi)
            วันเกิด : 24 มิถุนายน ค.ศ. 1987 (พ.ศ. 2530)
            สถานที่เกิด : เมืองโร ซาริโอ ประเทศอาร์เจนตินา
            ส่วนสูง : 169 เซนติเมตร
            น้ำหนัก : 67 กิโลกรัม
            ฉายา : เมสซิโดน่า, ลีโอ
            ตำแหน่ง : กองหน้าตัวต่ำ/กองกลางตัวรุก
            สโมสรปัจจุบัน : บาร์เซโลน่า
            หมายเลข : 10

            เมสซี่ เกิดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ค.ศ. 1987 (พ.ศ. 2530) ในแคว้นซานตาเฟ่ ที่เมืองโรซาริโอ ประเทศอาร์เจนตินา เมสซี่ เริ่มเล่นกีฬาฟุตบอลมาตั้งแต่อายุ 5 ขวบ โดยได้เข้าอยู่ในสโมสรเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า กรานโดลี่ โดยมีพ่อเป็นโค้ชให้ จนเมื่อปี 1995 (พ.ศ. 2538) เมสซี่ จึงได้ย้ายไปอยู่กับสโมสรที่ใหญ่กว่าและเป็นสโมสรในระดับลีกสูงสุดของอาร์เจนตินา ชื่อสโมสร นีเวลล์ส โอลด์ บอยส์ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเรียนวิชาฟุตบอลที่เข้มข้นมาเรื่อย ๆ
 ทว่าการเอาดีด้านฟุตบอลของ เมสซี่ ไม่ราบรื่นอย่างที่คิด เมื่ออายุได้ 11 ปี เขาประสบภาวะขาดฮอร์โมนการเจริญเติบโต ทำให้รูปร่างของเขาเล็กกว่าที่ควรจะเป็น จนเกือบอดไปต่อในสนามค้าแข้ง แต่แล้วฝีเท้าไปเข้าตา การ์เลส เรซัค ผู้อำนวยการด้านกีฬาของบาร์เซโลน่า จากสเปน จึงได้ขอซื้อตัว เมสซี่ พร้อมยินดีจ่ายเงินค่ารักษา จากนั้นเมสซี่พร้อมครอบครัวจึงได้ย้ายไปอยู่สเปน เพื่อฝึกฝนฝีเท้าอย่างจริงจังในฐานะสมาชิกทีมเยาวชนของบาร์เซโลน่า




 จากนั้นภายในเวลาอันรวดเร็ว เมสซี่ ก็ได้ก้าวขึ้นเป็นดาวเด่นในทีมเยาวชนของบาร์เซโลน่าและได้เข้าสู่ทีมบาร์เซโลน่า บี ในเวลาต่อมา พร้อมทั้งทำผลงานได้ดีเรื่อยมา จนปลายฤดูกาล 2004 เมสซี่ ก็ได้โอกาสเข้ามาอยู่กับทีมชุดใหญ่ของบาร์เซโลน่า จนถือเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในทีมบาร์เซโลน่า ด้วยวัยเพียงแค่ 17 ปี เท่านั้น แต่อย่างไรก็ดี เขาปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกับทีมชาติของสเปน เพื่อกลับไปรับใช้ชาติ เป็นสมาชิกทีมฟุตบอลเยาวชนของอาร์เจนตินา ซึ่ง เมสซี่ ได้สร้างประวัติศาสตร์ลูกหนังที่วงการฟุตบอลเยาวชนต้องจารึก เมื่อเขาฟาด 6 ประตูรวด พาทัพฟ้าขาวครองแชมป์ศึกลูกหนังรุ่นเยาวชนได้อย่างสง่างาม พร้อมคว้าตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์มาครอง จากนั้นจึงเลื่อนขั้นรับใช้ทั้งบาร์เซโลน่าและทีมชาติอาร์เจนตินาในฐานะนักเตะชุดใหญ่ในที่สุด

            ไม่เพียงสร้างตำนานให้วงการฟุตบอลเยาวชนเท่านั้น ลิโอเนล เมสซี่ ยังสร้างประวัติศาสตร์น่าจดจที่ทำให้วงการลูกหนังตะลึง ในการแข่งขันศึกชิงถ้วยประจำปีของสโมสรฟุตบอลสเปน โกปาเดลเรย์ ปี 2007 (พ.ศ. 2550) เมื่อเขายิงประตูในระยะเดียวกับที่ มาราโดนา เคยทำ หลบจำนวนทีมคู่แข่งเท่ากัน (6 คน) และทำประตูในตำแหน่งที่ใกล้เคียงกันมาก ทั้งยังวิ่งไปที่ธงมุมสนามเหมือนอย่างที่ เสือเตี้ย ดิเอโก้ มาราโดน่า ตำนานแข้งแห่งทัพฟ้าขาว เคยทำไว้ในปี 1986 (พ.ศ. 2529) ในนัดแข่งขันกับทีมชาติอังกฤษ ที่เม็กซิโก จนแต้มที่เข้าไปตุงตาข่ายลูกนั้นถูกเรียกว่า "ประตูแห่งประวัติศาสตร์" ด้วยสไตล์การเล่นและความสามารถที่เรียกได้ว่าแทบเทียบชั้น "หัตถ์พระเจ้า" ทำให้สื่อทั่วโลกพากันชื่นชม เมสซี่ ในฐานะ "มาราโดน่าคนใหม่" อีกทั้งสื่อสเปนยังตั้งฉายาให้กับเขาว่า "เมสซี่โดน่า" ด้วย

เมสซี่ เป็นบุตรชายคนสุดท้องในจำนวนพี่น้อง 4 คน (พี่ชาย 2 พี่สาว 1) ของนายคอร์เค โอราเซียว เมสซี คนงานโรงงาน และนางเซเลีย มารีอา กุกซิตตีนี พนักงานทำความสะอาดนอกเวลา โดยครอบครัวฝ่ายบิดาได้อพยพมาจากอิตาลี แม้เกิดในอาร์เจนตินา แต่เมสซี่และครอบครัวก็ได้ย้ายไปอยู่ที่ประเทศสเปนหลังจากที่เขาตอบรับสัญญาของสโมสรบาร์เซโลน่า ทำให้จนถึงตอนนี้ เมสซี่ อาศัยในประเทศสเปนมายาวนานเทียบเท่ากับช่วงชีวิตที่ใช้ในบ้านเกิดแล้ว

            ปัจจุบัน เมสซี่ พูดภาษาสเปนในสำเนียงชาวโรซาริโอ และยังคงไปเยี่ยมบ้านเกิดอยู่บ่อย ๆ เมสซี่ยังคงติดต่อเพื่อน ๆ ที่โรซาริโอด้วยการส่งข้อความและพูดคุยทางโทรศัพท์เป็นครั้งคราว นอกจากนี้เขายังเก็บบ้านเก่าที่โรซาริโอเอาไว้ แม้จะไม่มีคนอาศัยอยู่ก็ตาม  

            ความสัมพันธ์ในครอบครัวของเมสซี่ นับได้ว่าอบอุ่นเป็นอย่างดี ในช่วงที่เขากลับบ้านเกิดมาฝึกซ้อมในฐานะสมาชิกทีมชาติอาร์เจนตินา เมสซี่ยอมเดินทางไป-กลับเที่ยวละ 3 ชั่วโมง จากสนามฝึกซ้อมในกรุงบัวโนสไอเรสเพื่อกลับมากินข้าวกับครอบครัวในโรซาริโอ อยู่ค้างคืนที่บ้านแล้วจึงออกเดินทางแต่เช้าเพื่อไปฝึกซ้อมอีกครั้ง

            ทั้งนี้ เมสซี่ มีลูกพี่ลูกน้องอีก 2 คน ที่อยู่ในวงการลูกหนังเช่นเดียวกัน คือ มักซี เบียนกุชชี ผู้เล่นตำแหน่งปีกจากสโมสรโอลิมเปีย ของปารากวัย และเอมานูแอล เบียนกุชชี ผู้เล่นตำแหน่งมิดฟีลด์ของสโมสรอินดิเพนเดนท์ ฟุตบอลคลับ ของปารากวัยเช่นกัน
 

 เมสซี่ เคยคบหาดูใจกับ มาซาเรน่า เลมอส สาวสวยจากโรซาริโอ บ้านเกิดเดียวกัน โดยเจ้าตัวเผยว่าได้รับการแนะนำให้รู้จักกันผ่านทางพ่อของฝ่ายหญิง ในช่วงที่เขาบาดเจ็บและกลับมาพักรักษาตัวที่บ้านเกิด เพียงไม่กี่วันก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 หลังจากนั้นในปี 2009 ก็มีข่าวกิ๊กกั๊กกับนางแบบชาวอาร์เจนตินา ลูเซียนา ซาลาซาร์



            ต่อมา เมสซี่ ได้พบกับแฟนสาวคนปัจจุบัน คือ อันโตเนลลา รอซซาริโอ ในงานคาร์นิวาลที่เมืองซิทเจส ของบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน โดยฝ่ายหญิงมีพื้นเพมาจากบ้านเกิดของเมสซี่เช่นเดียวกัน จนในวันที่ 2 มิถุนายน 2012 หลังอาร์เจนตินาเตะชนะเอกวาดอร์ 1-0 ในนัดคัดเลือกเข้าแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 เมสซี่ ได้นำลูกบอลไปซุกไว้ในเสื้อและประกาศข่าวดีว่า รอซซาริโอ แฟนสาวของเขาตั้งครรภ์ได้ 3 เดือนแล้ว และในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2012 เมสซี่ก็กลายเป็นคุณพ่อมือใหม่เต็มตัวของลูกชายตัวน้อย ติอาโก เมสซี่ โดยล่าสุด รอซซาริโอ ยังได้อุ้มลูกชายตัวน้อยไปให้กำลังใจสามีถึงขอบสนาม ในนัด เนเธอร์แลนด์-อาร์เจนตินา ของศึกฟุตบอลโลก 2014 ที่ผ่านพ้นมานี้ด้วย







แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น