ความสัมพันธ์อาร์เจนตินา
กับ รัสเซีย
1.
ความสัมพันธ์เป็นไปในลักษณะแบบใด
อาร์เจนตินาเป็นประเทศที่ได้รับความสนใจจากUSA เพราะเป็นประเทศที่ใหญ่และมีอิทธิพลมากที่สุดประเทศหนึ่งในละตินเมกา จากที่ ดร. Raúl Alfonsín ชนะเลือกตั้งในปี ค.ศ. 1983 นั้นก็แสดงว่าอาร์เจนตินานั้นก็กลับมาสู่การใช้ระบอบประชาธิปไตยอีกครั้ง โดยในประวัติศาสตร์นั้นก็มีสลับกันบ้าง ระหว่างปกครองโดยทหารและโดยรัฐบาลที่มาจากพลเรือน ต่อมาก็ได้มีการปฏิวัติอุตสาหกรรม อีกปัจจัยหนึ่งที่USAสนใจ ก็เป็นเพราะว่าสหภาพโซเวียตเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดในละตินอเมริกา และเป็นปรปักษ์กับทางUSAอีกด้วยในตอนนั้น ทำให้อาร์เจนตินาได้รับความสนใจจากทั้ง USA และ สหภาพโซเวียต ที่เป็นมหาอำนาจในขณะนั้นด้วย
ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นทางด้านเศรษฐกิจการค้าระหว่างอาร์เจนตินากับสหภาพโซเวียตนั้น ยาวนานมากกว่าสองทศวรรษ โดยโซเวียตนั้นได้สนับสนุนอาร์เจนตินาในช่วงค.ศ. 1982 ที่เกิดสงคราม MalvinasหรือFalklands ทำให้เกิดความสัมพันธ์ทางการทูตกันอย่างแน่นแฟ้นระหว่างกันขึ้น โดยโซเวียตนั้นก็ได้มีความพยายามที่จะมีอิทธิพลในอาร์เจนตินา และขยายอิทธิพลลัทธิคอมมิวนิสต์ให้ครอบคลุมไปทั่วละตินเมกา แต่ในอาร์เจนตินาก็โดน USA ขัดขวางการที่จะทำให้อาร์เจนตินานั้นกลายเป็นลัทธิคอมมิวนิสต์แบบโซเวียต ทำให้ USSR นั้น ไม่สามารถทำการค้าขายอาวุธให้กับอาร์เจนตินาได้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งคู่ค้าอาวุธประเทศสำคัญประเทศหนึ่งของ USSR
โดยจากช่วงที่หลังมีการไปเดินทางไปพบกันอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดี เมารีซีโอ เมรี กับ สหพันธรัฐรัสเซีย ในการประชุมคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาร์เจนตินา – รัสเซีย ครั้งที่ 13 ณ กรุงมอสโก โดยมีจุดประสงค์เพื่อเกิดความร่วมมือกันทางด้านเศรษฐกิจ ด้านการค้า และ ด้านวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี อีกทั้งทางด้านตัวแทนของบริษัท Argentine ก็ได้มีการเข้าร่วมในPRODEXPO ซึ่งเป็นหนึ่งในงานแสดงสินค้าเกษตรที่ใหญ่ที่สุด
รัฐมนตรีต่างประเทศรัฐมนตรีต่างประเทศของอาร์เจนตินาและคณะผู้แทนธุรกิจประสานงาน โดยกระทรวงต่างประเทศ และนำโดยนาย Horaico Reyser รัฐมนตรีกระทรวงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ท่ามกลางการประชุม บริษัทประมงในอาร์เจนตินา 28 แห่งได้รับอนุญาตให้ส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังรัสเซีย นอกจากนี้ยังมีข้อกำหนดด้านสุขอนามัยพืชเพื่อวางผลไม้อาร์เจนตินาในตลาดรัสเซียได้ถูกจัดตั้งและมีการเจรจาเพื่อบรรลุการเปิดตลาดไข่ และตลาดปลา โครงการการค้าทวิภาคีของประเทศอาร์เจนตินา
ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศนี้ พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในสมัย Cristina Fernández de Kirchner เป็นประธานาธิบดี (2007-2015) จากบันทึกของกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย โดยมูลค่าการซื้อขายทางการค้าเติบโตขึ้นอย่างชัดเจนในปี 2012 มีจำนวนสูงถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์
ในสมัยประธานาธิบดี Mauricio Macri เริ่มแย่ลง เพราะมีการตัดสินใจที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์กับตะวันตก และกับสหรัฐอเมริกา ทำให้จากการสนทนากันทางโทรศัพท์ระหว่างความสัมพันธ์อาร์เจนตินาประธานาธิบดี Mauricio Macri กับ ประธานาธิบดี Vladimir Vladimirovich Putin ของรัสเซีย โดยหลังจากนั้นไม่นานทางด้านประธานาธิบดีอาร์เจนตินาได้มีการตัดสินใจที่จะคว่ำบาตรต่อรัสเซีย และแสดงความคิดที่จะเปลี่ยนอาร์เจนตินาและรัสเซียใกล้ชิดและร่วมกลุ่มกันในระดับภูมิภาค เช่น ชุมชนละติน-อเมริกาและแคริบเบียน (CELAC) และสหภาพละตินอเมริกา (UNASUR) และในเวลาต่อมา ก็ได้มีการกระชับความสัมพันธ์บางอย่างเกิดขึ้น โดยเฉพาะนักธุรกิจของทั้ง 2 ประเทศ
รัสเซียได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือนิวเคลียร์กับอาร์เจนตินา ซึ่งกำลังเจรจาเกี่ยวกับการสร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ Rosatom จากผู้สร้างเครื่องปฏิกรณ์ของรัสเซีย ได้กล่าวว่าทั้งสองประเทศได้ลงนามใน “เอกสารเชิงยุทธ์ศาสตร์” เพื่อยืนยันความเป็นหุ้นส่วนในด้านพลังงานนิวเคลียร์ในการประชุมสุดยอด G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรส รัสเซียได้ลงนามในข้อตกลงนิวเคลียร์ก่อนหน้านี้กับอาร์เจนตินาในปี 2015
ในสมัยประธานาธิบดี Vladimir Vladimirovich Putin ของรัสเซีย ได้เห็นการกลับมาของกลยุทธ์สงครามเย็นอย่างชัดเจน ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของผู้นำระดับโลก รัสเซียกำลังใช้การคาดการณ์ทางพลังงาน เพื่อพยายามทำลายความเป็นผู้นำโลกของสหรัฐอเมริกาและความท้าทายอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาในซีกโลกตะวันตก โดยประธานาธิบดี Vladimir Vladimirovich Putin ต้องการที่จะอยู่ในตำแหน่งที่ดี เพื่อสานสัมพันธ์ละตินอเมริกาสำหรับการประชุมสุดยอด G20 ทางด้านรัสเซียเหตุการณ์นี้จะเป็นวิธีหนึ่งที่จะผลักดันการต่อต้านการผลัดถิ่น และมีแนวโน้มที่จะสานความสัมพันธ์ของเขากับผู้นำในละตินอเมริกา
ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างรัสเซียและอาร์เจนตินาที่มีอยู่ระหว่างปี 2007-2015
เป็นความร่วมมือเพื่อสร้างสถานีนิวเคลียร์ในอาร์เจนตินาและวางแผนสำหรับการสำรวจและการทำเหมืองแร่ยูเรเนียมร่วมกัน ในกรุงบัวโนสไอเรส
อาร์เจนตินาเป็นประเทศที่ได้รับความสนใจจากUSA เพราะเป็นประเทศที่ใหญ่และมีอิทธิพลมากที่สุดประเทศหนึ่งในละตินเมกา จากที่ ดร. Raúl Alfonsín ชนะเลือกตั้งในปี ค.ศ. 1983 นั้นก็แสดงว่าอาร์เจนตินานั้นก็กลับมาสู่การใช้ระบอบประชาธิปไตยอีกครั้ง โดยในประวัติศาสตร์นั้นก็มีสลับกันบ้าง ระหว่างปกครองโดยทหารและโดยรัฐบาลที่มาจากพลเรือน ต่อมาก็ได้มีการปฏิวัติอุตสาหกรรม อีกปัจจัยหนึ่งที่USAสนใจ ก็เป็นเพราะว่าสหภาพโซเวียตเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดในละตินอเมริกา และเป็นปรปักษ์กับทางUSAอีกด้วยในตอนนั้น ทำให้อาร์เจนตินาได้รับความสนใจจากทั้ง USA และ สหภาพโซเวียต ที่เป็นมหาอำนาจในขณะนั้นด้วย
ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นทางด้านเศรษฐกิจการค้าระหว่างอาร์เจนตินากับสหภาพโซเวียตนั้น ยาวนานมากกว่าสองทศวรรษ โดยโซเวียตนั้นได้สนับสนุนอาร์เจนตินาในช่วงค.ศ. 1982 ที่เกิดสงคราม MalvinasหรือFalklands ทำให้เกิดความสัมพันธ์ทางการทูตกันอย่างแน่นแฟ้นระหว่างกันขึ้น โดยโซเวียตนั้นก็ได้มีความพยายามที่จะมีอิทธิพลในอาร์เจนตินา และขยายอิทธิพลลัทธิคอมมิวนิสต์ให้ครอบคลุมไปทั่วละตินเมกา แต่ในอาร์เจนตินาก็โดน USA ขัดขวางการที่จะทำให้อาร์เจนตินานั้นกลายเป็นลัทธิคอมมิวนิสต์แบบโซเวียต ทำให้ USSR นั้น ไม่สามารถทำการค้าขายอาวุธให้กับอาร์เจนตินาได้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งคู่ค้าอาวุธประเทศสำคัญประเทศหนึ่งของ USSR
โดยจากช่วงที่หลังมีการไปเดินทางไปพบกันอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดี เมารีซีโอ เมรี กับ สหพันธรัฐรัสเซีย ในการประชุมคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาร์เจนตินา – รัสเซีย ครั้งที่ 13 ณ กรุงมอสโก โดยมีจุดประสงค์เพื่อเกิดความร่วมมือกันทางด้านเศรษฐกิจ ด้านการค้า และ ด้านวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี อีกทั้งทางด้านตัวแทนของบริษัท Argentine ก็ได้มีการเข้าร่วมในPRODEXPO ซึ่งเป็นหนึ่งในงานแสดงสินค้าเกษตรที่ใหญ่ที่สุด
รัฐมนตรีต่างประเทศรัฐมนตรีต่างประเทศของอาร์เจนตินาและคณะผู้แทนธุรกิจประสานงาน โดยกระทรวงต่างประเทศ และนำโดยนาย Horaico Reyser รัฐมนตรีกระทรวงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ท่ามกลางการประชุม บริษัทประมงในอาร์เจนตินา 28 แห่งได้รับอนุญาตให้ส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังรัสเซีย นอกจากนี้ยังมีข้อกำหนดด้านสุขอนามัยพืชเพื่อวางผลไม้อาร์เจนตินาในตลาดรัสเซียได้ถูกจัดตั้งและมีการเจรจาเพื่อบรรลุการเปิดตลาดไข่ และตลาดปลา โครงการการค้าทวิภาคีของประเทศอาร์เจนตินา
ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศนี้ พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในสมัย Cristina Fernández de Kirchner เป็นประธานาธิบดี (2007-2015) จากบันทึกของกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย โดยมูลค่าการซื้อขายทางการค้าเติบโตขึ้นอย่างชัดเจนในปี 2012 มีจำนวนสูงถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์
ในสมัยประธานาธิบดี Mauricio Macri เริ่มแย่ลง เพราะมีการตัดสินใจที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์กับตะวันตก และกับสหรัฐอเมริกา ทำให้จากการสนทนากันทางโทรศัพท์ระหว่างความสัมพันธ์อาร์เจนตินาประธานาธิบดี Mauricio Macri กับ ประธานาธิบดี Vladimir Vladimirovich Putin ของรัสเซีย โดยหลังจากนั้นไม่นานทางด้านประธานาธิบดีอาร์เจนตินาได้มีการตัดสินใจที่จะคว่ำบาตรต่อรัสเซีย และแสดงความคิดที่จะเปลี่ยนอาร์เจนตินาและรัสเซียใกล้ชิดและร่วมกลุ่มกันในระดับภูมิภาค เช่น ชุมชนละติน-อเมริกาและแคริบเบียน (CELAC) และสหภาพละตินอเมริกา (UNASUR) และในเวลาต่อมา ก็ได้มีการกระชับความสัมพันธ์บางอย่างเกิดขึ้น โดยเฉพาะนักธุรกิจของทั้ง 2 ประเทศ
รัสเซียได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือนิวเคลียร์กับอาร์เจนตินา ซึ่งกำลังเจรจาเกี่ยวกับการสร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ Rosatom จากผู้สร้างเครื่องปฏิกรณ์ของรัสเซีย ได้กล่าวว่าทั้งสองประเทศได้ลงนามใน “เอกสารเชิงยุทธ์ศาสตร์” เพื่อยืนยันความเป็นหุ้นส่วนในด้านพลังงานนิวเคลียร์ในการประชุมสุดยอด G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรส รัสเซียได้ลงนามในข้อตกลงนิวเคลียร์ก่อนหน้านี้กับอาร์เจนตินาในปี 2015
ในสมัยประธานาธิบดี Vladimir Vladimirovich Putin ของรัสเซีย ได้เห็นการกลับมาของกลยุทธ์สงครามเย็นอย่างชัดเจน ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของผู้นำระดับโลก รัสเซียกำลังใช้การคาดการณ์ทางพลังงาน เพื่อพยายามทำลายความเป็นผู้นำโลกของสหรัฐอเมริกาและความท้าทายอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาในซีกโลกตะวันตก โดยประธานาธิบดี Vladimir Vladimirovich Putin ต้องการที่จะอยู่ในตำแหน่งที่ดี เพื่อสานสัมพันธ์ละตินอเมริกาสำหรับการประชุมสุดยอด G20 ทางด้านรัสเซียเหตุการณ์นี้จะเป็นวิธีหนึ่งที่จะผลักดันการต่อต้านการผลัดถิ่น และมีแนวโน้มที่จะสานความสัมพันธ์ของเขากับผู้นำในละตินอเมริกา
ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างรัสเซียและอาร์เจนตินาที่มีอยู่ระหว่างปี 2007-2015
เป็นความร่วมมือเพื่อสร้างสถานีนิวเคลียร์ในอาร์เจนตินาและวางแผนสำหรับการสำรวจและการทำเหมืองแร่ยูเรเนียมร่วมกัน ในกรุงบัวโนสไอเรส
2.
ใครได้เปรียบเสียเปรียบ
แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการร่วมมือกันทางเศรษฐกิจของอาร์เจนตินากับรัสเซียนั้น ได้ช่วยเหลือแบบพึ่งพาซึ่งกันและกัน ตั้งแต่สมัยสหภาพโซเวียต (รัสเซียในปัจจุบัน) จากที่โซเวียตไม่ได้สนใจอาร์เจนตินาและประเทศอื่น ๆ ในละตินอเมริกา เนื่องจากมีพื้นที่มีความไกลกัน ในปีค.ศ. 1988 ในสมัยบาชอฟมาเยือนอาร์เจนตินา บาร์ซิล และแม็กซิโก โดนเน้นความสัมพันธ์เศรษฐกิจ ที่มีแนวโน้มจะบรรลุความเป็นอิสระทางเศรษฐกิจ ประกอบกับในชาวงนั้นสหรัฐอเมริกาได้มีการกีดกันทางการค้ากับประเทศในละตินอเมริกา ทำให้ในบริบทนี้อาร์เจนตินาก็ต้องดำเนินนโยบายต่างประเทศให้คล้อยตามสหรัฐอเมริกา บทบาทที่ทำให้อาร์เจนตินาและโซเวียตไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบเนื่องจากมีการดดำเนินการความร่วมมือกันแบบพึ่งพาซึ่งกันและกัน ได้ให้ความสำคัญในการจัดตั้งความร่วมมือทางอุตสาหกรรมเกี่ยวกับโรงงานไฟฟ้าพลังน้ำ โครงการชลประทาน และภาคการประมงเชิงเศรษฐกิจ แต่ความสัมพันธ์แบบนี้ก็ส่งผลให้โซเวียตเกิดภาวะขาดดุลทางการค้าเป็นจำนวนมาก แต่เพื่อกระตุ้นปริมาณสินค้าการซื้อขาย ทำให้เกิดแนวโน้มที่ดียิ่งขึ้น ทำให้อาร์เจนตินาได้กลายเป็นผู้นำด้านการส่งออกในภูมิภาคไปยัง CMEA คิดเป็นเป็น 47% ของการส่งออกทั้งหมด และทำให้อาร์เจนตินาได้รับผลประโยชน์เกิดการได้เปรียบทางค้าและการส่งออกแก่โซเวียต จากการได้ทางโซเวียตเป็นคู่ค้าที่สำคัญของอาร์เจนตินา ได้มีการส่งออก 20.1% จากสินค้าส่งออกทั้งหมด และ
มีอัตราที่เพิ่มขึ้นเป็น 33.7% เนื่องจากเป็นการเพิ่มขึ้นของการที่โซเวียตสั่งซื้อข้าวสาลีจากอาร์เจนตินา ป้องกันการส่งออกสู่สหรัฐอเมริกา โดยโซเวียตซื้อธัญพืชจากอาร์เจนตินานับเป็น 80%
แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการร่วมมือกันทางเศรษฐกิจของอาร์เจนตินากับรัสเซียนั้น ได้ช่วยเหลือแบบพึ่งพาซึ่งกันและกัน ตั้งแต่สมัยสหภาพโซเวียต (รัสเซียในปัจจุบัน) จากที่โซเวียตไม่ได้สนใจอาร์เจนตินาและประเทศอื่น ๆ ในละตินอเมริกา เนื่องจากมีพื้นที่มีความไกลกัน ในปีค.ศ. 1988 ในสมัยบาชอฟมาเยือนอาร์เจนตินา บาร์ซิล และแม็กซิโก โดนเน้นความสัมพันธ์เศรษฐกิจ ที่มีแนวโน้มจะบรรลุความเป็นอิสระทางเศรษฐกิจ ประกอบกับในชาวงนั้นสหรัฐอเมริกาได้มีการกีดกันทางการค้ากับประเทศในละตินอเมริกา ทำให้ในบริบทนี้อาร์เจนตินาก็ต้องดำเนินนโยบายต่างประเทศให้คล้อยตามสหรัฐอเมริกา บทบาทที่ทำให้อาร์เจนตินาและโซเวียตไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบเนื่องจากมีการดดำเนินการความร่วมมือกันแบบพึ่งพาซึ่งกันและกัน ได้ให้ความสำคัญในการจัดตั้งความร่วมมือทางอุตสาหกรรมเกี่ยวกับโรงงานไฟฟ้าพลังน้ำ โครงการชลประทาน และภาคการประมงเชิงเศรษฐกิจ แต่ความสัมพันธ์แบบนี้ก็ส่งผลให้โซเวียตเกิดภาวะขาดดุลทางการค้าเป็นจำนวนมาก แต่เพื่อกระตุ้นปริมาณสินค้าการซื้อขาย ทำให้เกิดแนวโน้มที่ดียิ่งขึ้น ทำให้อาร์เจนตินาได้กลายเป็นผู้นำด้านการส่งออกในภูมิภาคไปยัง CMEA คิดเป็นเป็น 47% ของการส่งออกทั้งหมด และทำให้อาร์เจนตินาได้รับผลประโยชน์เกิดการได้เปรียบทางค้าและการส่งออกแก่โซเวียต จากการได้ทางโซเวียตเป็นคู่ค้าที่สำคัญของอาร์เจนตินา ได้มีการส่งออก 20.1% จากสินค้าส่งออกทั้งหมด และ
มีอัตราที่เพิ่มขึ้นเป็น 33.7% เนื่องจากเป็นการเพิ่มขึ้นของการที่โซเวียตสั่งซื้อข้าวสาลีจากอาร์เจนตินา ป้องกันการส่งออกสู่สหรัฐอเมริกา โดยโซเวียตซื้อธัญพืชจากอาร์เจนตินานับเป็น 80%
ในช่วงปัจจุบันอาร์เจนตินาก็ยังคงมองว่าควรส่งออกสินค้าเกษตรไปยังรัสเซียที่เป็นคู่ค้าสำคัญอีก
และรัสเซียก็ยังมีความต้องการที่จะให้อาร์เจนตินาเป็นให้การพัฒนาโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์
และการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆอาร์เจนตินามีความได้เปรียบทางด้านการได้รับความช่วยเหลือทั้งจากพลังงานหลักและการค้า
รวมถึงการมีสื่อและเครือข่ายอินเตอร์เน็ตร่วมกัน ความโอนอ่อนของอาร์เจนตินาในสมัย Kricher ทำให้ยอมให้รัสเซียมีการแทรกแซงทางการเมือง
รัสเซียพยายามที่จะให้อาร์เจนตินามองเป็นความร่วมมือกับสื่อเพื่อการแสดงถึงพัฒนาทางการทูตและความร่วมมือต่างๆ
โดยในช่วงสมัยประธานาธิบดี Mauricio Macri ความสัมพันธ์ระหว่างอาร์เจนตินากับรัสเซีย เริ่มแย่ลง และทำให้รัสเซียเสียเปรียบและมีการเปลี่ยนแปลงทางความสัมพันธ์อีกด้วย
แต่ต่อมาในสมัยประธานาธิบดี Vladimir Vladimirovich Putin ของรัสเซีย มีบทบาทสำคัญในละตินอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านการกระจายกำลังทหาร มีการขายอาวุธ ข้อตกลงทางการค้าและการเผยแพร่ทางการเมืองระดับสูง ทำให้รัสเซียได้ประโยชน์มากขึ้นอีกครั้งกับการดำเนินความสัมพันธ์กับอาร์เจนตินา
ทางด้านอิทธิพลด้านเศรษฐกิจ รัสเซียและอาร์เจนตินาร่วมมือกันในของเขตของพลังงานนิวเคลียร์ ในปี 2018 ทั้งสองประเทศได้ลงนามข้อตกลงเพื่อดำเนินการสำรวจยูเรเนียมและต่ออายุแผนการที่จะร่วมมือในโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
โดยในช่วงสมัยประธานาธิบดี Mauricio Macri ความสัมพันธ์ระหว่างอาร์เจนตินากับรัสเซีย เริ่มแย่ลง และทำให้รัสเซียเสียเปรียบและมีการเปลี่ยนแปลงทางความสัมพันธ์อีกด้วย
แต่ต่อมาในสมัยประธานาธิบดี Vladimir Vladimirovich Putin ของรัสเซีย มีบทบาทสำคัญในละตินอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านการกระจายกำลังทหาร มีการขายอาวุธ ข้อตกลงทางการค้าและการเผยแพร่ทางการเมืองระดับสูง ทำให้รัสเซียได้ประโยชน์มากขึ้นอีกครั้งกับการดำเนินความสัมพันธ์กับอาร์เจนตินา
ทางด้านอิทธิพลด้านเศรษฐกิจ รัสเซียและอาร์เจนตินาร่วมมือกันในของเขตของพลังงานนิวเคลียร์ ในปี 2018 ทั้งสองประเทศได้ลงนามข้อตกลงเพื่อดำเนินการสำรวจยูเรเนียมและต่ออายุแผนการที่จะร่วมมือในโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
3. กระทบการเมืองในประเทศอย่างไร
ในด้านบทบาทของพรรคคอมมิวนิสต์ของอาร์เจนตินา (PCA) ซึ่งพรรคนี้ไม่ได้รับความสนใจและการสนับสนุนจากการเลือกตั้งเท่าไหร่ โดยบทบาทในการเมืองของอาร์เจนตินา จะได้รับการสนับสนุนที่มีคะแนนเสียง จากเมือง บัวโนส ไอเรส และ มอสโก ที่มักจะได้คะแนนใกล้เคียงกัน
ทาง USSR ก็ได้สนับสนุนพรรคนี้ แค่เฉพาะในนามเท่านั้น โดยทางความสัมพันธ์ระหว่างโซเวียตและอาร์เจนตินา ได้มีการเริ่มดำเนินการอย่างเปิดเผยกับพวกทุนนิยมและพวกชาตินิยม มากกว่าผ่านทางพรรคอมมิวนิสต์ดั้งเดิมแบบโซเวียต ในช่วงสงครามที่สกปรกทางการทหารของJuntaนั้น ทางพรรค PCA ได้ถูกอนุมัติให้ได้รับข้อยกเว้นจากข้อกำหนดที่ห้ามกิจกรรมทางเมืองของฝ่ายบริหาร อย่างไรก็ตาม การกระทำนี้ไม่ได้ มาจากอำนาจทางการเมืองของฝ่ายบริหาร แต่แทนที่การวิพากษ์วิจารณ์ PCA นั้น จะสะดุดตา แต่กลับกลายเป็นว่าถูกทำให้เป็นแบบนี้ จากพรรคฝ่ายซ้ายอื่น ๆ ที่อยู่นอกเหนือจากการบริหารของ Perón
ในด้านบทบาทของพรรคคอมมิวนิสต์ของอาร์เจนตินา (PCA) ซึ่งพรรคนี้ไม่ได้รับความสนใจและการสนับสนุนจากการเลือกตั้งเท่าไหร่ โดยบทบาทในการเมืองของอาร์เจนตินา จะได้รับการสนับสนุนที่มีคะแนนเสียง จากเมือง บัวโนส ไอเรส และ มอสโก ที่มักจะได้คะแนนใกล้เคียงกัน
ทาง USSR ก็ได้สนับสนุนพรรคนี้ แค่เฉพาะในนามเท่านั้น โดยทางความสัมพันธ์ระหว่างโซเวียตและอาร์เจนตินา ได้มีการเริ่มดำเนินการอย่างเปิดเผยกับพวกทุนนิยมและพวกชาตินิยม มากกว่าผ่านทางพรรคอมมิวนิสต์ดั้งเดิมแบบโซเวียต ในช่วงสงครามที่สกปรกทางการทหารของJuntaนั้น ทางพรรค PCA ได้ถูกอนุมัติให้ได้รับข้อยกเว้นจากข้อกำหนดที่ห้ามกิจกรรมทางเมืองของฝ่ายบริหาร อย่างไรก็ตาม การกระทำนี้ไม่ได้ มาจากอำนาจทางการเมืองของฝ่ายบริหาร แต่แทนที่การวิพากษ์วิจารณ์ PCA นั้น จะสะดุดตา แต่กลับกลายเป็นว่าถูกทำให้เป็นแบบนี้ จากพรรคฝ่ายซ้ายอื่น ๆ ที่อยู่นอกเหนือจากการบริหารของ Perón
จากกรอบการประชุมครั้งที่
13
ของคณะกรรมาธิการอาร์เจนตินาที่ได้นำเสนอแผนความทันสมัยเชิงกลยุทธ์ทางรถไฟ และ
บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการขนส่งทางรถไฟ ที่ได้มีการลงนามระหว่าง Trenes Argentinos Socieded del Estado (ADIF.SE) ซึ่งเป็นบริษัทของอาร์เจนตินา และรถไฟของประเทศรัสเซีย (RZD) โดยการเจรจานั้น ได้รับความสำเร็จ ได้แก่ การเจรจาในเรื่อง
ยาเสพติดข้ามชาติ อาหาร และอุปกรณ์ทางการแพทย์ (ANMAT) และการให้บริการระดับชาติของรัสเซีย
สำหรับการเฝ้าระวังทางกรมปศุสัตว์ และ ด้านพืชพันธุ์ต่าง ๆ (Rosselkoznadzor) เพื่อทำงานร่วมกัน
โดยเป็นผลมาจากข้อตกลงความร่วมมือที่จะลงนามระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
และนวัตกรรมของอาร์เจนตินา ทำให้นานาประเทศต่างก็สนใจที่จะร่วมมือในเรื่องอวกาศ
ระบบนำทางด้วยดาวเทียมของรัสเซีย ที่เป็นที่รู้จักในชื่อ GLONASS โดยจะได้รับการพัฒนาในอาร์เจนตินา.
จากในสมัยประธานาธิบดี Cristina Fernández de Kirchner (2007-2015) มูลค่าการซื้อขายทางการค้าเติบโตขึ้นอย่างชัดเจนในปี 2012 มีจำนวนสูงถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์ มีความร่วมมือใหม่ ๆ เกิดขึ้น เช่น การก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในอาร์เจนตินา อาร์เจนตินาได้ขยายของเขตการเจรจาและความร่วมมือกับรัสเซียโดยเฉพาะ G20
จากในสมัยประธานาธิบดี Cristina Fernández de Kirchner (2007-2015) มูลค่าการซื้อขายทางการค้าเติบโตขึ้นอย่างชัดเจนในปี 2012 มีจำนวนสูงถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์ มีความร่วมมือใหม่ ๆ เกิดขึ้น เช่น การก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในอาร์เจนตินา อาร์เจนตินาได้ขยายของเขตการเจรจาและความร่วมมือกับรัสเซียโดยเฉพาะ G20
ในปี
2015 ประธานาธิบดี Mauricio Macri ได้ออกนโยบายต่างประเทศของอาร์เจนตินาที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
นโยบายได้ดำเนินการเพื่อเอาชนะความโดดเดี่ยวบางอย่างของประเทศซึ่งถูกจำกัดโดยตลาดร่วมของรัฐในทวีปอเมริกาใต้
อาร์เจนตินาพัฒนาความสัมพันธ์ส่วนใหญ่กับระบอบการปกครองฝ่ายซ้ายที่เหลือ ได้แก่ เวเนซุเอลา
เอกวาดอร์ นิการากัว และโบลิเวีย และส่งผลให้รัฐบาลชุดนี้ ตัดสินใจที่ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับตะวันตก
และ USA โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การประกาศความคืบหน้าในการลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีกับทางวอชิงตัน
เช่นเดียวกับการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรแปซิฟิกที่ริเริ่มโดยสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังมีการประกาศนโยบาย
“demalvnization”
การอ้างสิทธิของอาร์เจนตินาในหมู่เกาะฟอล์คแลนด์ ที่ถือครองโดยด้านสหราชอาณาจักร
ซึ่งค่อนข้างสมเหตุสมผลตามกฎหมายระหว่างประเทศ อยู่ที่ศูนย์กลางของนโยบายต่างประเทศอาร์เจนตินาก่อนหน้านี้
จากการกระชับความสัมพันธ์บางอย่าง โดยเฉพาะนักธุรกิจของทั้งสองประเทศ ที่มีการประกาศโครงการอุตสาหกรรมเกษตรและพลังงานจำนวนหนึ่งซึ่งยังอยู่ในระหว่างการเจรจา แม้จะมีงบเป็นทุนเสริมช่วยเหลือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากอาร์เจนตินา การหมุนเวียนการค้าในปี 2016 ไม่เพิ่มขึ้น แต่ตามสถิติศุลกากรของรัสเซียลดลงถึง 847 ล้านดอลลาร์
จากการออกนโยบายต่างประเทศของประเทศรัสเซียภายใต้ประธานาธิบดี Vladimir Vladimirovich Putin ของรัสเซีย ได้มีบทบาทสำคัญในละตินอเมริกา โดยเฉพาะการค้าขายอาวุธ ข้อตกลงทางการค้าและการเผยแพร่ทางการเมืองระดับสูง ส่วนใหญ่เกิดจากแรงจูงใจทางการเงิน แรงจูงใจของประธานาธิบดี Vladimir Vladimirovich Putin ในการส่งเสริมโปรไฟล์ของรัสเซีย โดยมีรากฐานจากทางการเมือง รัสเซียได้พยายามพัฒนาความร่วมมือกับประเทศที่มีความสนใจในการสร้างสถาบันและความสัมพันธ์ที่ไม่ได้ถูกครอบงำโดยสหรัฐอเมริกาและยุโรป ในขณะที่รัสเซียดูเหมือนจะใช้ประโยชน์จากโอกาสในละตินอเมริกา และจะยังคงมุ่งเน้นไปที่ประเด็นพันธมิตรการค้าและความปลอดภัย
จากการกระชับความสัมพันธ์บางอย่าง โดยเฉพาะนักธุรกิจของทั้งสองประเทศ ที่มีการประกาศโครงการอุตสาหกรรมเกษตรและพลังงานจำนวนหนึ่งซึ่งยังอยู่ในระหว่างการเจรจา แม้จะมีงบเป็นทุนเสริมช่วยเหลือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากอาร์เจนตินา การหมุนเวียนการค้าในปี 2016 ไม่เพิ่มขึ้น แต่ตามสถิติศุลกากรของรัสเซียลดลงถึง 847 ล้านดอลลาร์
จากการออกนโยบายต่างประเทศของประเทศรัสเซียภายใต้ประธานาธิบดี Vladimir Vladimirovich Putin ของรัสเซีย ได้มีบทบาทสำคัญในละตินอเมริกา โดยเฉพาะการค้าขายอาวุธ ข้อตกลงทางการค้าและการเผยแพร่ทางการเมืองระดับสูง ส่วนใหญ่เกิดจากแรงจูงใจทางการเงิน แรงจูงใจของประธานาธิบดี Vladimir Vladimirovich Putin ในการส่งเสริมโปรไฟล์ของรัสเซีย โดยมีรากฐานจากทางการเมือง รัสเซียได้พยายามพัฒนาความร่วมมือกับประเทศที่มีความสนใจในการสร้างสถาบันและความสัมพันธ์ที่ไม่ได้ถูกครอบงำโดยสหรัฐอเมริกาและยุโรป ในขณะที่รัสเซียดูเหมือนจะใช้ประโยชน์จากโอกาสในละตินอเมริกา และจะยังคงมุ่งเน้นไปที่ประเด็นพันธมิตรการค้าและความปลอดภัย
4. บทวิเคราะห์
ด้านความสัมพันธ์ทางด้านการค้า
ความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจระหว่างอาร์เจนตินาและสหภาพโซเวียต (รัสเซียในปัจจุบัน) ที่เริ่มขึ้น ในทศวรรษ 1920 ประเทศอาร์เจนตินาที่ส่งออกสินค้าของประเทศ สหภาพโซเวียตเป็นผู้นําของการส่งออกอาร์เจนตินาในช่วงปีค.ศ.1985 จากนั้น สหรัฐอเมริกาก็แซงสหภาพโซเวียต USSR ไป 14% ของการส่งออกทั่วโลกในปีค.ศ.1985 เนื่องจากการส่งออกอาร์เจนตินาลดลงถึง 32% ตอนปี1971 อย่างไรก็ตาม จากที่คุณเห็นในตาราง2.2 สหภาพโซเวียตซื้อการส่งออกของอาร์เจนตินาน้อยลงในปี1986และ1987
ด้านความสัมพันธ์ทางด้านการค้า
ความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจระหว่างอาร์เจนตินาและสหภาพโซเวียต (รัสเซียในปัจจุบัน) ที่เริ่มขึ้น ในทศวรรษ 1920 ประเทศอาร์เจนตินาที่ส่งออกสินค้าของประเทศ สหภาพโซเวียตเป็นผู้นําของการส่งออกอาร์เจนตินาในช่วงปีค.ศ.1985 จากนั้น สหรัฐอเมริกาก็แซงสหภาพโซเวียต USSR ไป 14% ของการส่งออกทั่วโลกในปีค.ศ.1985 เนื่องจากการส่งออกอาร์เจนตินาลดลงถึง 32% ตอนปี1971 อย่างไรก็ตาม จากที่คุณเห็นในตาราง2.2 สหภาพโซเวียตซื้อการส่งออกของอาร์เจนตินาน้อยลงในปี1986และ1987
รูป 2.1
และรูป2.1แสดงให้เห็นว่าประเทศอุตสาหกรรมของอาร์เจนตินา คู่พันธมิตรทางการค้า และประเทศทางอเมริกาใต้
ในช่วง1979-1987 ประเทศทางตะวันตกทั้งหลาย ก็ยังคงซื้อการส่งออกอาร์เจนตินาและมีแนวโน้มที่จะซื้อเป็นประจำตลอดระยะเวลา
9 ปี
( ตาราง2.2)
ตาราง2.2 เพิ่งแสดงให้เห็นว่าสหภาพโซเวียตเป็นเขตการค้าทางเศรษฐกิจให้กับอาร์เจนตินา
โดยความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศเหล่านี้ มีแนวโน้มที่จะเสียเปรียบในด้านดุลการค้าระหว่างประเทศอาร์เจนตินาที่ยังคงดําเนินต่อไป
โดยสหภาพโซเวียตได้ประโยชน์สูงสุดในการรักษาแหล่งธัญพืชที่เชื่อถือได้และประจําการใน
Southern Cone region แต่ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1987 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศโซเวียตได้แสดงความไม่สบายใจต่อความไม่สมดุลในน่านน้ำของอเมริกาใต้
เหมือนกับการพิสูจน์ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเศรษฐกิจอาร์เจนติน่า-สหภาพโซเวียตนั้น
แสดงให้เห็นอย่างดี USSR
เป็นหนึ่งในผู้ผลิตสินค้าส่งออกที่ใหญ่ที่สุดในอาร์เจนตินา ส่วนใหญ่เป็นรูปแบบธัญพืชและเนื้อสัตว์
แต่การอาร์เจนตินาก็ยังคงนําเข้าจากสหรัฐอเมริกาและประเทศที่พัฒนาแล้วในโลกตะวันตก
ทั้งสหภาพโซเวียตและพันธมิตรได้รักษาความสมดุลทางการค้ากับอาร์เจนตินาเป็นเวลานาน แต่การค้าระหว่างประเทศเหล่านี้ยังคงสูงขึ้นจนถึงปีค.ศ.1986
ที่สหภาพโซเวียตมีอิทธิพลเหนืออาร์เจนตินานั้น ส่วนมากเป็นด้านตลาดส่งออกอาร์เจนตินา
ด้านการจำกัดทางทหาร
ไม่รวมถึงUSSR ผู้จัดจําหน่ายอาวุธชาวอาร์เจนตินา จากข้อมูลที่เปิดเผยมา อาร์เจนตินาไม่ได้ซื้ออาวุธจากสหภาพโซเวียตแทนที่จะเป็นเช่นนั้น อาร์เจนตินาต้องพึ่งพาซัพพลายเออร์ในประเทศอื่น ๆ ในสหรัฐอเมริกาและยุโรปตะวันตก จากรูปที่2.3เห็นได้ถึงสัดส่วนของรายได้ที่สหรัฐฯมีรายจ่ายนั้นลดลงอย่างมีนัยสําคัญ ตั้งแต่ปี1970 และการมีประกาศการจัดหากองทุนเพิ่มจากอาร์เจนตินามากขึ้น ยิ่งกว่านั้น อาร์เจนตินาผลิตอาวุธขนาดเล็กจํานวนมาก ยานพาหนะที่ใช้ทางทหารและอุปกรณ์ที่ฝึกได้ บราซิลยังจัดส่งอุปกรณ์บางอย่างแก่เพื่อนบ้าน โดยภาคผนวก B มีค่าเทียบดอลลาร์ เพื่อสําหรับการนําเข้าอาวุธจากอาร์เจนตินา
ไม่รวมถึงUSSR ผู้จัดจําหน่ายอาวุธชาวอาร์เจนตินา จากข้อมูลที่เปิดเผยมา อาร์เจนตินาไม่ได้ซื้ออาวุธจากสหภาพโซเวียตแทนที่จะเป็นเช่นนั้น อาร์เจนตินาต้องพึ่งพาซัพพลายเออร์ในประเทศอื่น ๆ ในสหรัฐอเมริกาและยุโรปตะวันตก จากรูปที่2.3เห็นได้ถึงสัดส่วนของรายได้ที่สหรัฐฯมีรายจ่ายนั้นลดลงอย่างมีนัยสําคัญ ตั้งแต่ปี1970 และการมีประกาศการจัดหากองทุนเพิ่มจากอาร์เจนตินามากขึ้น ยิ่งกว่านั้น อาร์เจนตินาผลิตอาวุธขนาดเล็กจํานวนมาก ยานพาหนะที่ใช้ทางทหารและอุปกรณ์ที่ฝึกได้ บราซิลยังจัดส่งอุปกรณ์บางอย่างแก่เพื่อนบ้าน โดยภาคผนวก B มีค่าเทียบดอลลาร์ เพื่อสําหรับการนําเข้าอาวุธจากอาร์เจนตินา
ในช่วงปลายทศวรรษ 1960 สหรัฐฯปฏิเสธที่จะจัดหาอุปกรณ์ทางทหารที่ทันสมัยไปที่กรุงบัวโนสไอเรส
อาร์เจนตินาจะตอบโต้ด้วย "Plan Europaa" ที่จะพยายามหนี จากการพึ่งพาอาศัยอาวุธในสหรัฐอเมริกา
ผู้ผลิตในยุโรปเริ่มจัดหารายได้ขนาดใหญ่ในอาร์เจนตินา อีกทั้งในกรุงบัวโนสไอเรสเริ่มลงทุนในความสามารถในการผลิตอาวุธเอง
มีมาตรการห้ามการขายอาวุธของสหรัฐให้กับอาเจนตินา เพราะการละเมิดสิทธิมนุษยชนของระบอบการปกครองทางทหาร
สมัยบริหารคาร์เตอร์ หลังจากการบุกรุกของระบบมัลวีนาส/พาลแลนด์ในปีค.ศ.1982 หลายประเทศในยุโรปต่าง
ก็ปฏิบัติตามคำสั่งการของพวกเขา หลังจากที่ผู้บริหารจำนวนหลายคนถูกปล่อยข่าวลือ
ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1983 กองกำลังทหารอาร์เจนตินาได้เดินทางไปเยี่ยมสหภาพโซเวียต
พร้อมหวังผลประโยชน์ในเรื่องการเติมเต็มสินค้าที่ขาดไปของ Malvinas อย่างไรก็ตาม โซเวียตก็มีปัญหากับอาร์เจนตินา เนื่องจากอาร์เจนตินาได้รับอาวุธจากทางตะวันตกจำนวนมาก
แต่การซื้ออาวุธกับทางโซเวียตนั้น น่าจะลดความขัดแย้งตึงเครียดของอาร์เจนตินากับโซเวียตในเรื่องนี้ได้
เป้าหมายทางด้านการทูต
1. ขยายอิทธิพลของโซเวียตภายในอาร์เจนตินา
2. ส่งเสริมให้ชาวอาร์เจนตินานั้น ไม่เลือกข้างและโอนอ่อนไปกับการพัฒนาแบบตะวันตก
3. ใช้เหตุผลมาอธิบายว่าการมีส่วนร่วมของชาวอาร์เจนตินาในข้อตกลงที่จะร่วมมือในการต่อต้านของโซเวียตนั้น โดยเฉพาะการอธิบายข้อตกลงร่วมในการป้องกัน
1. ขยายอิทธิพลของโซเวียตภายในอาร์เจนตินา
2. ส่งเสริมให้ชาวอาร์เจนตินานั้น ไม่เลือกข้างและโอนอ่อนไปกับการพัฒนาแบบตะวันตก
3. ใช้เหตุผลมาอธิบายว่าการมีส่วนร่วมของชาวอาร์เจนตินาในข้อตกลงที่จะร่วมมือในการต่อต้านของโซเวียตนั้น โดยเฉพาะการอธิบายข้อตกลงร่วมในการป้องกัน
เป้าหมายทางด้านเศรษฐกิจ
1. ส่งเสริมด้านกสิกรรมเพาะปลูกเมล็ดพันธุ์ที่เป็นทางเลือกแทนที่จะรับระบบทุนนิยมแบบประเทศในตะวันตก
2. เพิ่มการเข้าถึงแร่ธาตุและน้ำมันสำรอง และสิทธิในด้านประมงในเขตแอตแลนติกใต้
3. มีการพัฒนาตลาดอุตสาหกรรมส่งออกสำหรับโซเวียตในระยะยาว
เช่นเดียวกับที่สหภาพโซเวียตส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ และได้รับการตอบรับจากผู้คนที่ไม่พอใจในเรื่องคุณภาพของอุปกรณ์และเครื่องจักรของโซเวียต อีกทั้งในทำนองเดียวกัน ได้มีข้อโต้แย้งว่า อาร์เจนตินาได้สามารถพัฒนาคุณภาพอุปกรณ์ในด้านราคาที่สามารถแข่งขันได้จากประเทศอื่น ๆ เช่น เยอรมันนี (ตะวันตก) อย่างไรก็ตาม การส่งเสริมการค้าเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับผลผลิตทางการเกษตรอื่น ๆ นั้น ยังคงดำเนินต่อเนื่องในเป้าหมายของสหภาพโซเวียต
2. เพิ่มการเข้าถึงแร่ธาตุและน้ำมันสำรอง และสิทธิในด้านประมงในเขตแอตแลนติกใต้
3. มีการพัฒนาตลาดอุตสาหกรรมส่งออกสำหรับโซเวียตในระยะยาว
เช่นเดียวกับที่สหภาพโซเวียตส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ และได้รับการตอบรับจากผู้คนที่ไม่พอใจในเรื่องคุณภาพของอุปกรณ์และเครื่องจักรของโซเวียต อีกทั้งในทำนองเดียวกัน ได้มีข้อโต้แย้งว่า อาร์เจนตินาได้สามารถพัฒนาคุณภาพอุปกรณ์ในด้านราคาที่สามารถแข่งขันได้จากประเทศอื่น ๆ เช่น เยอรมันนี (ตะวันตก) อย่างไรก็ตาม การส่งเสริมการค้าเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับผลผลิตทางการเกษตรอื่น ๆ นั้น ยังคงดำเนินต่อเนื่องในเป้าหมายของสหภาพโซเวียต
เป้าหมายทางด้านยุทธศาสตร์
1. การเข้าร่วมการขับเคลื่อนปฏิวัติที่ไหนสักที่ในละตินอเมริกา
2. ใช้อำนาจควบคุม Cape Horn ที่เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากทางด้านยุทธศาสตร์และที่เกี่ยวข้องเส้นทางทางทะเลของการสื่อสารในช่วงเกิดสงคราม
3. อนุญาตให้มีการทดสอบทางการทหารและอุปกรณ์ทางด้านพลเรือนในแอนตาร์ติกา
4. เพิ่มการเข้าถึงไปยังแอฟริกาตะวันตกที่มีความสะดวกมากขึ้น
5. ดึงความสนใจทางด้านทรัพยากรต่าง ๆ ด้านความมั่นคงแห่งชาติของ U.S. จากพื้นที่อื่น ๆ ที่
โซเวียตนั้นได้ให้ความสนใจอยู่
1. การเข้าร่วมการขับเคลื่อนปฏิวัติที่ไหนสักที่ในละตินอเมริกา
2. ใช้อำนาจควบคุม Cape Horn ที่เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากทางด้านยุทธศาสตร์และที่เกี่ยวข้องเส้นทางทางทะเลของการสื่อสารในช่วงเกิดสงคราม
3. อนุญาตให้มีการทดสอบทางการทหารและอุปกรณ์ทางด้านพลเรือนในแอนตาร์ติกา
4. เพิ่มการเข้าถึงไปยังแอฟริกาตะวันตกที่มีความสะดวกมากขึ้น
5. ดึงความสนใจทางด้านทรัพยากรต่าง ๆ ด้านความมั่นคงแห่งชาติของ U.S. จากพื้นที่อื่น ๆ ที่
โซเวียตนั้นได้ให้ความสนใจอยู่
4 ความคิดเห็น
ความสัมพันธ์ระหว่างอาร์เจนตินาและรัสเซียเป็นแบบต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์ที่มีเป้าหมายต่างกัน โดยปกติแล้วประเทศมหาอำนาจมักจะเป็นประเทศที่เกินดุลเมื่อทำการค้ากับประเทศอื่น แต่ระหว่างรัสเซียกับอาร์เจนตินา รัสเซียกลับเป็นฝ่ายขาดดุลการค้า และยอมให้เกิดขึ้น เพราะเล็งเห็งผลประโยชน์ในด้านอื่นจากอาร์เจนตินา เนื่องจากรัสเซียเองเป็นประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติ แร่ธาตุ น้ำมันก๊าซอยู่มาก รวมถึงเทคโนโลยีที่มีความทันสมัย จึงใช้ความได้เปรียบในส่วนนี้เข้าไปมีบทบาทสำคัญในอาร์เจนตินาที่เป็นประเทศกำลังพัฒนา แถมยังขาดแคลนทั้งทุนและเทคโนโลยี เพื่อเดิมเกมส์แข่งขันกับสหรัฐฯ อย่างอ้อม ๆ ซึ่งอาร์เจนตินาก็ได้รับประโยชน์จากการที่ใช้รัสเซียเพื่อถ่วงดุลอำนาจกับสหรัฐฯ นั่นเอง (คอสตาริกา)
ตอบลบความสัมพันธ์ในด้านเศรษฐกิจของอาร์เจนตินากับรัสเซียนั้น เป็นการช่วยเหลือแบบพึ่งพาซึ่งกันและกัน ตั้งแต่สมัยสหภาพโซเวียต ระหว่างอาร์เจนตินาและโซเวียตไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบเนื่องจากมีการดำเนินการความร่วมมือกันแบบพึ่งพาซึ่งกันและกัน โดยมีการจัดตั้งความร่วมมือทางอุตสาหกรรมเกี่ยวกับโรงงานไฟฟ้าพลังน้ำ โครงการชลประทาน และภาคการประมงเชิงเศรษฐกิจ แต่ความสัมพันธ์แบบนี้ก็ส่งผลให้โซเวียตเกิดภาวะขาดดุลทางการค้าเป็นจำนวนมาก แต่เพื่อกระตุ้นปริมาณสินค้าการซื้อขาย ทำให้เกิดแนวโน้มที่ดียิ่งขึ้น ทำให้อาร์เจนตินาได้กลายเป็นผู้นำด้านการส่งออกในภูมิภาคไปยัง CMEA
ตอบลบนอกจากนี้โซเวียตมีความพยายามที่จะมีอิทธิพลในอาร์เจนตินา และขยายอิทธิพลลัทธิคอมมิวนิสต์ให้ครอบคลุมไปทั่วละตินเมกา แต่ก็โดนอเมริกาขัดขวาง ทำให้ USSR นั้น ไม่สามารถทำการค้าขายอาวุธให้กับอาร์เจนตินาได้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งคู่ค้าอาวุธประเทศสำคัญประเทศหนึ่งของ USSR
อาเจนตินา ไม่ใช่เป็นประเทศที่ได้รับความสนใจจากอเมริกาเพียงเท่านั้นแต่ว่า รัสเชียก็ให้ความสัมพันธ์ไม่ต่างจากอเมริกาเช่นกัน แต่ว่าการแผ่อิทธิพลของรัสเชียในช่วงแรกทำได้ยาก เพราะว่าถูกอเมริกาป้องกันเอาไว้ แต่ว่ารัสเชียพยามแผ่อำนาจอยู่ตลอด จึงทำให้มีข้อตกลงด้านพลังงานนิวเคลียร์เกิดขึ้นร่วมกัน นำไปสู้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจร่วมกัน จึงทำให้อาเจนตินาเป็นหนึ่งประเทสที่รัสเชียต้องทำให้เป็นพรรคพวกให้ได้ (คิวบา)
ตอบลบอาร์เจนตินานั้นนับว่าเป็นประเทศที่ทั้งสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตให้ความสนใจมาตั้งแตาอดีตจนถึงปัจจุบัน โดยเมื่อใดก็ตามที่สภหาพโซเวียตเข้ามามีบทบาทในอาร์เจนตินาเพิ่มมากขึ้นก็จะทำให้สหรัฐอเมริกามีความวิตกกังวลมากขึ้น เพราะในขณะนั้นสหรัฐอเมริกามองว่าสหภาพโซเวียตเป็นทั้งปริปักษ์ทั้งทางการค้าและอุดมการณ์ทางการเมืองของตนเอง อย่างไรก็ตามความสัมมพันธ์ระหว่างอาร์เจนตินาและโซเวียตหรือรัสเซียก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามแนวคิดผู้นำของอาร์เจนตินาแต่ละคน นอกจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างอาร์เจนตินาและโซเวียตนับว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ต่างฝ่ายต่างต้องการผลประโยชน์ซึ่งกันและกันเสมอมา (กลุ่มชิลี)
ตอบลบ